ไบโพลาร์ คืออะไร

ไบโพลาร์ (Bipolar Disorder) หรือที่เรียกว่า โรคอารมณ์สองขั้ว เป็นโรคทางจิตเวชชนิดหนึ่ง ที่ทำให้ผู้ป่วยมีการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์อย่างชัดเจนและรุนแรง โดยสลับไปมาระหว่าง 2 ขั้วอารมณ์ คือ ช่วงอารมณ์ดีผิดปกติ , ช่วงอารมณ์ซึมเศร้า

ตอนที่ 1 : สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของโรคไบโพลาร์

ตอนที่ 2 : อาการและประเภทของโรคไบโพลาร์

ตอนที่ 3 : แนวทางการรักษาและการดูแลผู้ป่วยไบโพลาร์

ตอนที่ 4 : การใช้ชีวิตกับโรคไบโพลาร์และวิธีรับมือในระยะยาว

ตอนที่ 5 : สรุป

สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของโรคไบโพลาร์

ไบโพลาร์

1. พันธุกรรม

  • ผู้ที่มีสมาชิกในครอบครัวเป็นโรคอารมณ์สองขั้ว มีความเสี่ยงสูงกว่าคนทั่วไปถึง 5-10 เท่า
  • หากเป็นฝาแฝดแท้คนหนึ่งมีโอกาสที่อีกคนจะเป็นด้วยสูงถึง 70-80%

 

2. ความผิดปกติของสารสื่อประสาทในสมอง

  • สารสื่อประสาทหลัก เช่น โดปามีน (Dopamine) และ ซีโรโทนิน (Serotonin) ทำงานผิดปกติ ส่งผลต่อการควบคุมอารมณ์และพฤติกรรม

 

✅ 3. สิ่งแวดล้อมและปัจจัยกระตุ้น

  • ความเครียดเรื้อรัง
  • เหตุการณ์สะเทือนใจ เช่น สูญเสียคนรัก หย่าร้าง อุบัติเหตุรุนแรง
  • ปัญหาความสัมพันธ์หรือการถูกทำร้ายในวัยเด็ก

 

✅ 4. การใช้สารเสพติดและแอลกอฮอล์

  • สารกระตุ้น เช่น ยาเสพติด แอลกอฮอล์ หรือสารเสพติดบางชนิด อาจกระตุ้นหรือทำให้อาการกำเริบ

 

✅ 5. ความผิดปกติทางกายภาพของสมอง

  • พบว่าโครงสร้างและการทำงานบางส่วนของสมองผู้ป่วยโรคอารมณ์สองขั้วอาจแตกต่างจากคนทั่วไป เช่น บริเวณสมองส่วนหน้าที่ควบคุมอารมณ์

อาการและประเภทของโรค ไบโพลาร์

โรคอารมณ์สองขั้วมีลักษณะเด่นคือการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์อย่างชัดเจน แบ่งออกเป็น 2 ด้านหลัก คือ อารมณ์ซึมเศร้า และ อารมณ์ดีผิดปกติ หรือ การเล่น หวยไว แบบไม่มีแผนทำให้ขาดทุน โดยมีรายละเอียดดังนี้

อาการสำคัญของโรคไบโพลาร์

🔸 ช่วงอารมณ์ดีผิดปกติ

  • อารมณ์ดีผิดปกติ หรือหงุดหงิดมากผิดปกติ
  • พูดมาก คิดเร็ว หัวไวจนควบคุมไม่ทัน
  • มั่นใจในตัวเองเกินจริง (Grandiosity)
  • ใช้จ่ายเงินไม่ยั้ง ลงทุนเสี่ยงสูง พฤติกรรมประมาท
  • นอนน้อยแต่ไม่รู้สึกเหนื่อย

 

🔸 ช่วงอารมณ์ดีผิดปกติแบบอ่อน

  • คล้ายช่วง Mania แต่เบากว่า
  • ไม่ถึงขั้นทำให้ชีวิตเสียหายหรือเข้าสู่ภาวะจิตเภท

 

🔸 ช่วงอารมณ์ซึมเศร้า

  • รู้สึกเศร้า เบื่อสิ่งที่เคยชอบ
  • นอนไม่หลับหรือหลับมากเกินไป
  • เหนื่อยง่าย ไม่มีพลัง
  • สมาธิลดลง คิดช้า ตัดสินใจลำบาก
  • รู้สึกไร้ค่า หรือมีความคิดทำร้ายตนเอง

ประเภทของโรค ไบโพลาร์

🔹 Bipolar I Disorder

  • มีช่วง Manic ชัดเจน อาจมีหรือไม่มีช่วงซึมเศร้าร่วมด้วย
  • อาการ Mania รุนแรงจนกระทบการใช้ชีวิต ต้องรักษาในโรงพยาบาล

 

🔹 Bipolar II Disorder

  • มีช่วง Hypomania (อารมณ์ดีผิดปกติแบบอ่อน) สลับกับช่วงซึมเศร้า
  • ช่วงซึมเศร้าจะรุนแรงและนานกว่า Mania

 

🔹 Cyclothymic Disorder

  • มีอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ เป็นเวลานาน (อย่างน้อย 2 ปี)
  • อาการไม่รุนแรงพอที่จะเข้าข่าย Bipolar I หรือ II แต่ส่งผลต่อชีวิตประจำวัน

แนวทางการรักษาและการดูแลผู้ป่วยไบโพลาร์

ไบโพลาร์

1. การรักษาทางการแพทย์

🔹 การใช้ยา (Medication)

  • ยาควบคุมอารมณ์ (Mood Stabilizers) เช่น Lithium
  • ยาต้านซึมเศร้า (Antidepressants) ใช้เฉพาะในช่วงซึมเศร้า
  • ยาต้านโรคจิต (Antipsychotics) สำหรับควบคุมอาการ Mania หรืออาการหลงผิด
  • ต้องรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอ ห้ามหยุดยาเองเด็ดขาด

🔹 จิตบำบัด (Psychotherapy)

  • การบำบัดพฤติกรรมและความคิด (CBT) ช่วยให้ผู้ป่วยเข้าใจและจัดการอารมณ์
  • การบำบัดแบบครอบครัว (Family Therapy) เพื่อให้คนใกล้ชิดเข้าใจโรค

2. การดูแลตนเองของผู้ป่วย

  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
  • หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และสารเสพติด
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เช่น เดิน โยคะ
  • สังเกตสัญญาณเตือนของอาการกำเริบ เช่น นอนไม่หลับ พูดเร็วผิดปกติ หรือซึมเศร้า

✅ 3. การดูแลโดยครอบครัวและคนใกล้ชิด

  • ให้กำลังใจ ไม่ตัดสิน ไม่ซ้ำเติม
  • ช่วยเตือนให้รับประทานยาและไปพบแพทย์ตามนัด
  • สังเกตพฤติกรรมผิดปกติหรือสัญญาณของการทำร้ายตัวเอง
  • ช่วยจัดตารางชีวิต เช่น เวลาเข้านอน กินยา เพื่อความสม่ำเสมอ

✅ 4. การป้องกันการกำเริบของโรค

  • หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น เช่น ความเครียดรุนแรง การนอนดึก
  • ทำสมาธิ หรือกิจกรรมผ่อนคลายเพื่อควบคุมอารมณ์ ทำให้เล่น หวยไว ได้ดีขึ้น
  • มีบันทึกอารมณ์รายวันเพื่อสังเกตการเปลี่ยนแปลงของตัวเอง

✅ 5. การสร้างความเข้าใจในสังคม

  • สังคมควรเปิดใจ เข้าใจว่าโรคนี้เป็น “โรคทางสมอง” ไม่ใช่ปัญหานิสัย
  • ส่งเสริมการให้โอกาสผู้ป่วยได้ทำงานและใช้ชีวิตตามปกติ
  • ลดการตีตรา (Stigma) เพื่อให้ผู้ป่วยกล้าขอความช่วยเหลือ

การใช้ชีวิตกับโรค ไบโพลาร์ และวิธีรับมือในระยะยาว

ไบโพลาร์
  1. ปฏิบัติตามแผนการรักษาอย่างเคร่งครัด
  • รับประทานยาให้ตรงเวลา ไม่หยุดยาเอง
  • พบแพทย์ตามนัดเพื่อติดตามอาการ
  • ปรึกษาแพทย์ทันทีหากมีอาการผิดปกติ

 

  1. ดูแลสุขภาพกายและใจ
  • นอนหลับให้เพียงพอ วันละ 6-8 ชั่วโมง
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เช่น เดิน โยคะ ว่ายน้ำ
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ งดของหวาน ของมัน แอลกอฮอล์ และสารเสพติด
  • หลีกเลี่ยงความเครียด และหาวิธีผ่อนคลาย เช่น ฟังเพลง ดูหนัง อ่านหนังสือ

 

  1. ฝึกสังเกตและจดบันทึกอารมณ์
  • จดบันทึกอารมณ์ประจำวัน เช่น อารมณ์ดี อารมณ์เศร้า นอนไม่หลับ
  • ช่วยให้รู้เท่าทันสัญญาณเตือน เช่น พูดเร็วผิดปกติ หรือรู้สึกหมดแรงโดยไม่ทราบสาเหตุ
  • แจ้งให้แพทย์ทราบเมื่อตรวจพบการเปลี่ยนแปลง

 

  1. ขอความช่วยเหลือจากครอบครัวหรือเพื่อนสนิท
  • พูดคุย เปิดใจ ไม่ปิดบังอาการ
  • ให้คนใกล้ชิดช่วยเตือนเรื่องยา การนอน การนัดหมายแพทย์
  • ขอคำปรึกษาเมื่อต้องเผชิญความเครียด หรือสับสนทางอารมณ์

 

  1. สร้างกิจวัตรประจำวันที่เป็นระเบียบ
  • จัดตารางชีวิต เช่น เวลาตื่น กินข้าว ทำงาน นอน ให้เป็นเวลา
  • หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงหรือเหตุการณ์กระตุ้นอารมณ์ฉับพลัน
  • วางแผนวันหยุด กิจกรรมพักผ่อน เพื่อไม่ให้สมองเหนื่อยล้า

สรุป

คนที่เป็นโรคอารมณ์สองขั้วนั้นทำให้พวกเขาใช้ชีวิตลำบากกว่าคนทั่วไปในเรื่องของความรู้สึกของตัวเองที่มันจะสลับไปสลับมาจนพวกเขาเองรู้สึกเหนื่อย เรียกได้ว่าเป็นขั้นกว่าของโรคซึมเศร้านั้นเอง ให้ที่มีญาติเป็นโรคนี้ก็อยากให้เข้าใจพวกเขามากๆนะครับ